“ลูกจ่าเพียร” ซัดกฎ 9 ข้อไร้น้ำยา ปูดพ่อขัดญาตินักการเมือง “ถ.”

ที่มา : มติชนออนไลน์ 6 พฤศจิกายน 2553

ลูกชาย”จ่าเพียร”ชี้ไม่เป็น ธรรมแค่ตัดเงิน ตักเตือน “2 พล.ต.ท.” เชื่อเตี๊ยมกันลงโทษเบาเหมือนล้มบนฟูก ซัดองค์กรตำรวจและ รบ.ปชป.ล้มเหลว ขาดจริยธรรม เย้ยกฎเหล็ก 9 ข้อไร้น้ำยา ข้องใจไม่พิสูจน์สารระเบิดตามตัวพ่อของใคร เผยเคยมีปัญหากับญาตินักการเมือง “ถ.” ผบ.ตร.ให้ใจเย็นอ้างผลสอบยังไม่ถึงมือ

ลูกชาย พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา อดีต ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ชี้ผลการสอบข้อเท็จจริงข้อร้องเรียนของ พล.ต.อ.สมเพียรผู้เป็นบิดาที่ร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่ง ตั้งก่อนจะถูกคนร้ายลอบวางระเบิดและยิงเสียชีวิต โดยคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งมี พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เป็นประธานสรุปให้ พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในขณะนั้น เป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) และ พล.ต.ท.วีรยุทธ สิทธิมาลิก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) มีความผิดวินัยไม่ร้ายแรง และเสนอลงโทษให้ตัดเงินเดือน พล.ต.ท.วีรยุทธร้อยละ 5 ไม่เกิน 3 เดือน ส่วน พล.ต.ท.พีระ ให้ว่ากล่าวตักเตือนนั้นไม่เป็นธรรม

ทั้งนี้ นายชุมพล เอกสมญา ลูกชาย พล.ต.อ.สมเพียร ซึ่งปัจจุบันเป็นนักร้องวงไวลด์ซีด (wild seed) ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ว่า เป็นการตัดสินที่แสดงให้เห็นว่าองค์กรตำรวจและรัฐบาลชุดนี้ซึ่งมีพรรคประชา ธิปัตย์เป็นแกนนำ เป็นองค์กรที่ล้มเหลว ไร้ซึ่งความเป็นธรรม และขาดจริยธรรมในการบริหารจัดการบุคคล โทษเบามาก ไม่เป็นธรรม ถึงการตัดสินไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงก็ตาม จะไม่มีทางทำให้พ่อของเราฟื้นได้ก็จริง แต่ประเด็นคือเรื่องของคนข้างหลัง การซื้อขายตำแหน่งก็ยังคงอยู่ ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมชัดเจน คนที่ทำก็ทำได้อีก

นายชุมพลกล่าวว่า เจตนา ของการสอบสวนไม่บริสุทธิ์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คณะกรรมการชุดแรกที่ถูกแต่งตั้งก็เป็นเพื่อนกับผู้ที่ถูกสอบสวน พอถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเอาเพื่อนมาจับผิดเพื่อนถึงเปลี่ยนตัว แต่ถึงจะเปลี่ยนก็ใช้หลักฐานเดิม อย่างนี้ก็เท่ากับว่ามีกฎหมายไว้เพื่อช่วยเหลือกัน ทั้งที่รัฐบาลชุดนี้ชูเรื่องจริยธรรมมาตลอด อ้างกฎเหล็ก 9 ข้อเสมอ แต่ไม่มีการบังคับใช้จริงจังสักครั้ง ไม่ว่าจะการเมืองหรือราชการ อย่างครั้งนี้ก็เอาโทษเบาสุดมาใช้ ใครจะไปเข็ดหลาบ เป็นการล้มบนฟูก

นายชุมพลกล่าวว่า เชื่อว่าการตัดสินครั้งนี้มีการตระเตรียมล่วงหน้า วีรยุทธ (พล.ต.ท.วีรยุทธ) เป็นแค่แพะเท่านั้น เป็นการตระเตรียมเหมือนวันที่พ่อผมเสียชีวิต คือต้องคนในเท่านั้นที่รู้ว่าจ่าเพียรจะไปไหนในวันนั้น เกลือเป็นหนอน ตนเชื่อลึกๆ อย่างนั้น ว่ามีการส่งข่าวให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าไปที่ไหนเมื่อไหร่ แต่กลับไม่มีการสอบสวนเรื่องนี้ แม้แต่สารระเบิดที่ติดตามตัวพ่อ แม่ก็ส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐานว่ามาจากฝั่งเราหรือไม่ เพราะช่วงนั้นมีข่าวว่าถูกขโมยจากกองทัพด้วย แต่ก็เงียบไป สารเคมีที่ติดตามตัว ระบุได้ไหมว่าของใครฝ่ายไหน

“พ่อผมเป็นตำรวจที่มีปัญหากับนักการเมืองมาตลอด ครั้งหนึ่งเคยจับญาตินักการเมืองอักษรย่อ ถ. ที่สทิงพระ เพราะวิ่งรถบรรทุกฝุ่นคลุ้งจนชาวบ้านเป็นโรคปอด เลยถูกย้ายไป อย่างตอนที่ขอย้ายไปตรัง ก็เตือนแล้วว่าตรังเป็นถิ่นใคร แล้วมีธุรกิจท่าเรือน้ำลึก เป็นเขตนิคมอุตสาหกรรม ถ้าจะไปก็ต้องไปเป็นตำรวจใบสั่ง ไปตีหัวชาวบ้าน แล้วพ่อผมทำได้ที่ไหน จับของเถื่อนสิบล้อก็บ่อย ผมเชื่อลึกๆ ว่า คนในประชาธิปัตย์ไม่อยากให้พ่อผมไปตรัง แต่พอพ่อผมตายก็มาพูดว่า เสียดายคนดีๆ ไม่ได้อยู่เมืองตรัง ประชาธิปัตย์คงไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องนี้หรอก ให้เงียบๆ ไป ไม่อยากสร้างอนุสาวรีย์จ่าเพียร เพราะไม่อยากตอกย้ำความผิดพลาดของตัวเอง” ลูกชาย พล.ต.อ.สมเพียรกล่าว

นายชุมพลกล่าวว่า กฎเหล็ก 9 ข้อ ไม่มีความหมาย มีไว้ทำประชาสัมพันธ์เท่านั้นใช้งบฯภาษีไปทำ ยิ่งท่าน พล.ต.ต.วิสุทธิ์ (พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี) ออกมาร้องเรียน น้ำก็ยิ่งขุ่น จริงๆ แล้วผู้ใหญ่ในตำรวจภาค 9 น่าจะโดนเด้งกว่า พล.ต.ต.วิสุทธิ์อีก แทนที่จะคลี่คลายเรื่อง ยอมรับผิด มีบทลงโทษที่ชัดเจน กลับตัดสินแบบนี้ ให้คนพวกนี้ลอยหน้าลอยตาต่อไป ทั้งที่นี่คือการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไม่ใช่หรือ

ส่วนเรื่องการอุทธรณ์คำสั่งนั้น นายชุมพลกล่าวว่า คง ต้องแล้วแต่มารดาคือนางพิมพ์ชนา ภูวพงษ์พิทักษ์ ไม่แน่ใจว่าจะมีการอุทธรณ์หรือไม่ เพราะทางมารดาเกรงว่าหากอุทธรณ์ไปน้องชายสองคนที่กำลังรับราชการตำรวจอยู่ ภาค 9 จะถูกกลั่นแกล้ง แต่ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าเราไม่ควรกลัว

“ถ้าเป็นผมจะยื่นศาลปกครองตั้งแต่ 100 วันแรกแล้ว เพราะไม่งั้นก็จะมีจ่าเพียร 2,3,4 ตามมาอีก มีตำรวจอีกเป็นแสนคนที่จะเดือดร้อนกับการวิ่งเต้นเหล่านี้ จ่าเพียรตายเพราะไม่ได้รับความยุติธรรม จนตายแล้วก็ยังไม่ได้รับความยุติธรรม แล้วความยุติธรรมคืออะไร เล่นพรรคเล่นพวกเกื้อกูลกันงั้นหรือ” ลูกชาย พล.ต.อ.สมเพียรระบุ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. กล่าวถึงผลสอบสวนกรณีแต่งตั้ง พล.ต.อ.สมเพียรที่คณะกรรมการเห็นว่ามีความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ว่าเรื่องยังมาไม่ถึงตน จึงยังไม่ได้อ่าน ยังไม่ได้รับรายงาน ต้องอ่านรายละเอียดเสียก่อนจึงจะมีความเห็นได้ว่าสรุปมาอย่างไร ขอให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็รู้ว่าผลเป็นอย่างไร

ด้านพล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี กล่าวว่า มีผู้หวังดีส่งเอกสารหลักฐานการกระทำผิด ของนายตำรวจใหญ่เกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสารเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด โดยเจ้าตัวทราบดีว่าเป็นเรื่องอะไร ขณะนี้รอเพียงรวบรวมเอกสารและจะออกมาเปิดโปงพฤติกรรมดังกล่าวในเร็วๆ นี้ หากสังคมทราบเรื่องจะรู้ดีว่าวงการตำรวจเป็นอย่างไร

พล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าวว่า กรณีที่ออกมาเปิดเผยขบวนการต่างๆ รอบสอง การเดินทางไปชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร และกรณีที่ ผบ.ตร.กล่าวในทำนองว่าตนออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงผิดวินัยนั้น ขอยืนยันว่าตนไม่หวั่นไหวเพราะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริง และการไปชี้แจงกับคณะกรรมาธิการก็เป็น ไปตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เป็นไปตามขบวนการ จึงไม่ทราบว่าผิดตรงไหน หรือแม้กระทั่งกรณีที่จเรตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัย แต่ก็ยังไม่มีการเรียกไปชี้แจงข้อเท็จจริง

 


จาก “จ่าเพียร” ถึง พล.ต.ต.วิสุทธิ์

จาก “จ่าเพียร” ถึง พล.ต.ต.วิสุทธิ์
ที่มา : โลกวันนี้ 3 พฤศจิกายน 2553
โดย : อัคนี คคนัมพร

ท่านผู้อ่านสนใจเรื่องราวของ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ไหมครับ

ที่ต้องตั้งคำถามอย่างนี้ก่อนก็เพราะไม่แน่ใจว่าเรื่องของนายตำรวจขัดแย้งกับนักการเมืองกลุ่มหนึ่งจะเป็นเรื่องน่าสนใจ

ถึงกระนั้นผู้เขียนก็อยากให้คุณสนใจเรื่องนี้

แต่ก่อนหน่วยงานตำรวจเรียกกันว่ากรมตำรวจ มีอธิบดีกรมตำรวจเป็นหัวหน้าบังคับบัญชาสูงสุด แต่ไปสังกัดอยู่ในกระทรวงมหาดไทย พวกตำรวจ (ชั้นผู้ใหญ่) ก็ไม่ค่อยจะพอใจกัน เพราะต้องไปอยู่ใต้กำกับของปลัดกระทรวงมหาดไทยอีกทีหนึ่ง ก่อนจะขึ้นไปถึงรัฐมนตรีว่าการ

การดิ้นรนให้หลุดออกมาจากกระทรวงมหาดไทยจึงเกิดขึ้น

แต่เมื่อหลุดออกมาแล้ว จะปล่อยให้ลอยอยู่กลางอากาศก็ไม่ได้ ต้องกลายเป็นหน่วยงานอิสระขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ไม่ยอมแม้แต่จะขึ้นต่อปลัดสำนักนายกฯ

แล้วผลเป็นยังไง?

คำตอบก็คือเหมือนเดิม ไม่มีอะไรแตกต่าง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เว้นแต่ชื่อ ซึ่งเปลี่ยนมาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทุกวันนี้ประชาชนก๊อกไหม้ไส้ขมเหมือนเดิม

แต่ตำรวจดูเหมือนจะย่ำแย่กว่าเดิม เพราะโครงสร้างอื่นๆไม่มีอะไรแตกต่าง

กรณีของจ่าเพียร (พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา) ที่เป็นเรื่องฉาวโฉ่กระเทือนงานตำรวจและกระเทือนสถานภาพนายกฯอภิสิทธิ์ มาครั้งหนึ่ง กลายเป็นคลื่นกระทบฝั่งไปนานแล้ว (เว้นแต่ส่วนที่เป็นพ็อกเก็ตบุ๊คที่ยังวางตลาดอยู่)

บัดนี้กำลังจะมีสมเพียรภาค 2

ขอประทานโทษครับ ไม่ได้ดูถูกและไม่ได้ต้องการกระแหนะกระแหนให้หมดกำลังใจ แต่ต้องการพูดความจริงเท่านั้น เพราะชื่อที่นำมาเขียนไว้ในบรรทัดแรกคือ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รักษาการรองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี (อดีตรอง ผบช.ภ.9) ท่านกำลังประสบชะตากรรมคล้ายๆกันกับจ่าเพียร

พล.ต.ต.วิสุทธิ์ท่านทำหน้าที่ในฐานะ รอง ผบช.ภ.9 ค่อนข้างเข้มข้นคือ กวาดจับบ่อนพนัน การค้าน้ำมันเถื่อน ซุ้มมือปืน โต๊ะบอล และการทำทุจริตผิดกฎหมายอื่นๆอย่างได้ผล

บังเอิญเหลือเกินว่าสิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้เป็นของนักการเมือง หรืออยู่ใต้ร่มเงาของนักการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์เสียเป็นส่วนใหญ่

ว่าโดยเฉพาะก็คือเป็นนักการเมืองในจังหวัดสงขลา

ดังนั้น ในฤดูโยกย้ายคราวนี้ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ก็เลยถูกย้ายมาเข้ากรุ ซึ่ง พล.ต.ต.วิสุทธิ์ไม่ยินยอมพร้อมใจและได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงชักธงรบกับผู้ บังคับบัญชาของตน สั่นสะเทือนกันไปถึงทำเนียบรัฐบาลโน่นเลยทีเดียว

การเปิดโปงของ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ ทำให้ ส.ส.สงขลาหลายคนเดือดร้อน ออกมาตอบโต้ท้าทายกันสนั่นลั่นเมือง เพราะ ส.ส. เหล่านั้นเกรงว่าข้อมูลที่ถูกปล่อยออกมาจะกระทบต่อคะแนนนิยมทางการเมืองของ เขา

ผู้เขียนจะไม่ลงรายละเอียดล่ะครับว่าใครทำอะไรไว้บ้าง และกำลังเดือดร้อนเพราะเรื่องอะไร

แต่ผู้เขียนสามารถยืนยันได้ว่า พล.ต.ต.วิสุทธิ์พูดความจริง ไม่ได้โกหกอย่างคนอื่นที่กำลังแหกปากตอบโต้กันอยู่

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนยังอดห่วง พล.ต.ต.วิสุทธิ์ไม่ได้

บอกแล้วยังไงล่ะครับว่า พล.ต.ต.วิสุทธิ์กำลังตกอยู่ในภาวะเดียวกับจ่าเพียร หมายความว่า ถึงจะยืนอยู่กับความจริง และทำงานตามหน้าที่ด้วยความสุจริต แต่มันก็ไปกระทบเข้ากับผลประโยชน์ของนักการเมืองและพรรคการเมืองที่กำลังมีอำนาจ

ที่พล.ต.ต.วิสุทธิ์บอกว่า “ระบบสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรจะแก้ทั้งระบบไม่ใช่เฉพาะจุด โดยยึดหลักการแต่งตั้งของอัยการและศาล ทำงานให้เป็นองค์กรอิสระ ไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง และนายกรัฐมนตรีไม่ควรจะเป็นประธานด้วย ขอสาบานว่า หากการจัดการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง ขอให้มีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วัน”

ข้อความในอัญประกาศนี้ ผู้เขียนเห็นด้วยทั้งหมดไม่มีข้อโต้แย้งเลย แต่นี่ล่ะครับที่ผู้เขียนว่ามันจะกลายเป็นอาวุธทิ่มตำทำร้ายตัวเองอย่างฉกาจฉกรรจ์

คุณวิสุทธิ์กำลังสู้อยู่กับนักการเมือง

และนักการเมืองที่กำลังสู้กับคุณไม่ใช่หรือ ที่ทำให้จ่าเพียรกลับไปตายอย่างอเนจอนาถมาแล้ว

ไม่มีตำรวจคนไหนช่วยจ่าเพียร

หรือจะมีตำรวจคนไหนช่วยคุณ!


วาทะ ‘จู๋เทียม’ ถึงคณะลิเก ตอนฉีกหน้านักการเมืองเลว

วาทะ ‘จู๋เทียม’ ถึงคณะลิเก ตอนฉีกหน้านักการเมืองเลว
ที่มา : โลกวันนี้ 3 พฤศจิกายน 2553
โดย : เรืองยศ จันทรคีรี

กรณีของ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ที่เริ่มกลายเป็นประเด็นปลายเปิดเกี่ยวกับข้อกังขาที่ท่านถูกโยกย้ายตำแหน่ง ซึ่งเจ้าตัวเชื่อว่า “มีวาระซ่อนเร้น” เนื่องจากตัวเองเข้าไปแตะปัญหาเผือกร้อนที่เป็นผลประโยชน์ของนักการเมืองใน พื้นที่…โดยส่วนตัวนั้นผมไม่อยากสนใจกับประเด็นตอบโต้ที่เกิดขึ้นระหว่าง กลุ่มนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์กับอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 แต่ติดใจสิ่งที่ พล.ต.ต.วิสุทธิ์เอ่ยถึงและเข้าไปแตะต้องในเรื่องธุรกิจมืดใต้ดิน

ไม่ทราบว่า พล.ต.ต.วิสุทธิ์เข้าไปแตะปัญหาเหล่านี้ “ลึกแค่ไหน?” แต่ถ้าถามผู้ที่ทราบเกี่ยวกับโฉมหน้าของกลุ่มผลประโยชน์ในชายแดนภาคใต้ ทุกคนย่อมทราบดีถึงเรื่องราวลึกลับเหล่านี้ ซึ่งมิใช่จะผูกโยงอยู่เฉพาะขอบเขตของจังหวัดสงขลากับพื้นที่ภายใต้ความรับ ผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9…มันยังพัวพันซึมลึกเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใน 3 จังหวัดภาคใต้ด้วยเช่นกัน อาณาจักรของธุรกิจใต้ดินจึงเป็นเรื่องที่ลึกลับและใหญ่โตมโหฬาร?

ภายหลังมีการแถลงข่าวของรองผู้การวิสุทธิ์ได้มีปฏิกิริยาที่ถูกโต้ออกมา จากหลายทิศทาง กระทั่ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ถึงขั้นสั่งสอบวินัยในกรณีของการเปิดแถลงข่าว ซึ่งเป็นการโจมตีผู้บังคับบัญชาและฝ่ายการเมือง…รวมทั้งในด้าน ก.ตร. ยังออกมาแย้ง ยืนยันเกี่ยวกับการกระทำทุกอย่างได้ดำเนินไปตามขั้นตอน หากใครติดใจสงสัยก็สามารถร้องเรียนตามขั้นตอนทางกฎหมายได้

พล.ต.ท.วิบูลย์ ปรองดอง ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะเลขานุการ ก.ตร. ก็ออกโรงติติง พล.ต.ต.วิสุทธิ์ที่ไม่ใช้ช่องทางของกฎหมายแต่หันมาแถลงข่าว แล้วตอนนี้กำลังพิจารณาถึงบทสัมภาษณ์ต่างๆว่ามีความเหมาะสมเพียงใดหรือไม่? เป็นไปได้ที่อาจมีการเล่นงานในทางวินัย ตั้งแต่ใช้คำสั่ง ตร. ที่ 855/2548 เกี่ยวกับการให้ข่าวหรือแถลงข่าว ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชาเสียก่อน มิใช่แต่เพียงเท่านั้น ข้อวินัยข้าราชการตำรวจที่มีอยู่จำนวนไม่น้อยยังอาจถูกโยงเอาเข้ามาพิจารณาด้วย

เสียงฮึ่มแฮ่ที่จะเล่นงาน พล.ต.ต.วิสุทธิ์อาจเลยเข้าไปถึงการตรวจสอบด้วยข้อกล่าวหากระทำความผิดในคดีอาญา คือคงกะฟาดฟันกันให้ถึงตายในงานนี้?

พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน หลังจากเปิดแถลงข่าวไปแล้วได้มีกลุ่ม ส.ส.ประชาธิปัตย์ จังหวัดสงขลา ออกมาตอบโต้เข้าใส่ชุดใหญ่ๆ ถัดอีกวันรุ่งขึ้นอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จึงต้องเดินหน้าอีกครั้ง ได้กล่าวถึงกรณีกลุ่ม ส.ส. เหล่านั้นที่ออกมาแฉกลับเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ซึ่งไม่ทราบว่า ส.ส. กลุ่มนี้แสดงถึงความร้อนตัวหรือไม่? เพราะตนเองเคยไประบุถึงนักการเมือง “ช” เป็นผู้สั่งการโยกย้าย ขอยืนยันว่าตนไม่ได้พูดถึงนาย “ช” เพียงแต่บอกให้เป็นลูกพี่นายกรัฐมนตรี ตรงนี้ไปดูเทปที่เคยแถลงไว้ได้จะทราบถึงสิ่งที่ตนพูดอะไรบ้าง?

ประเด็นของการตอบโต้ระหว่าง ส.ส.ประชาธิปัตย์กับ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ค่อนข้างดำเนินไปอย่างรุนแรงและเผ็ดร้อน ตั้งแต่การระบุถึงความไม่มีผลงาน มีแต่เล่นลิเก เป็นเพียงมือปราบจู๋เทียม ซึ่งข้อนี้รองผู้บัญชาการสำนักกฎหมายและคดีตำแหน่งใหม่หมาดๆก็ยอมรับว่าตน เล่นลิเก มีชื่อคณะด้วยคือคณะวิสุทธิ์ ตอน ฉีกหน้านักการเมืองเลวๆ?

พล.ต.ต.วิสุทธิ์ย้อนกลับพูดถึงผลงานการไล่ล่านักการเมืองเลวๆที่ค้าของ เถื่อน เปิดบ่อนการพนัน พร้อมทั้งยังยืนยันที่จะแฉต่อเนื่องเกี่ยวกับคนที่เจ้ากี้เจ้าการต่อการโยก ย้ายอย่างไม่เป็นธรรม และในทุกเรื่องนั้นจะแฉชนิดแบบตอกลงฝาโลงไปเลย

“ผมขอท้าไอ้พวกที่ออกมาแกว่งมั่วๆมาทำโพลแข่งกันหรือไม่? เอาโพลที่ได้รับความน่าเชื่อถือเอาของมหาวิทยาลัยก็ได้ หรือไปที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา หากผลโพล 100 คน บอกว่าผมไม่ซื่อสัตย์สุจริต 70 คน ผมยินดีลาออกจากราชการแถมด้วยการกราบเท้าพวกคุณ แต่หากผลโพล 100 คน บอกว่าไม่ชอบพวกคุณเพราะไม่ซื่อสัตย์สุจริต 70 คน พวกคุณยินดีลาออกจาก ส.ส. และมากราบเท้าเช่นเดียวกับผมหรือไม่”

งานนี้ไม่รู้จะมีการทำโพลกันจริงหรือเปล่า? แล้วใครจะกราบตีนใครนั้นเราไม่รู้? แต่โดยส่วนตัวผมสงสัยถึงชื่อ “ช” ที่ พล.ต.ต.วิสุทธิ์กล้าระบุให้เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสั่งย้ายตนเองอย่าง ไม่เป็นธรรมมันหมายถึง “ช” ใดกันแน่? ไม่น่าจะเป็นนายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว หนึ่งใน ส.ส.สงขลาที่ออกมายืนแถวหน้าประกาศศึกครั้งนี้เพื่อสร้างวาทกรรมจู๋เทียม ขึ้น…

จะเป็น “ช” ใดเราก็คงต้องไปหาคำตอบกันต่อ หรือถ้ารู้แล้วอาจต้องเฉยไว้ เรื่อง “ช” นั้นเป็นประเด็นหนึ่ง แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่า “ช” น่าจะเกี่ยวเนื่องกับผลประโยชน์ใต้ดินในการค้าชายแดนภาคใต้ มันมีความเร้นลับมากกว่าเพียงไฮโล โปปั่น หวยหุ้น หวยมาเลย์ ถ้าขืนให้ พล.ต.ต.วิสุทธิ์อยู่นานเกินไปอีกหลายอย่างคงเปิดเผยออกมาล่อนจ้อน ทั้งยาเสพติด น้ำมันเถื่อน และของเถื่อน…แม้กระทั่งสงครามผลประโยชน์ที่เกี่ยวเนื่องไปถึง 3 จังหวัดภาคใต้?

เรื่องที่เกี่ยวข้อง :
เปิดคำแถลงร้อน พล.ต.ต.วิสุทธิ์ ปะทะนักการเมือง
มือปราบจู๋เทียม

 


มือปราบจู๋เทียม

มือปราบจู๋เทียม
เหล็กใน
ที่มา : ข่าวสดรายวัน 1 พฤศจิกายน 2553 หน้า 6

ลีลา “ห้าว” ของ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ในการแถลงแฉขบวนการเลื่อยเก้าอี้ ต้องบอกว่าดุเด็ดเผ็ดมันอย่างยิ่ง

ถ้อยคำกร้าวๆ เหล่านั้น ฟังไม่เหมือนมาจากปากคนที่ยังมีอายุราชการ

แต่เหมือนคนที่ใกล้เกษียณรอมร่อ ไม่ต้องเกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ อีกต่อไป

นอกจากซัดว่ามีนักการเมืองมาล้วงโผแล้ว ยังฟาดหางไปถึงธุรกิจมืดของนักการเมืองในพื้นที่ตัวเอง

เบื้องหน้าเบื้องหลังคำสั่งโยกย้ายจะเป็นอย่างที่พล.ต.ต.วิสุทธิ์พูดหรือไม่ คนนอกทั่วไปคงไม่มีใครรู้แน่

และสังคมจะให้ความเห็นใจแค่ไหน ยังต้องดูต่อไป

เพราะสไตล์ของพล.ต.ต.วิสุทธิ์ที่มีวิธีสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง ไม่ค่อยเหมือนมือปราบปกติทั่วไป

นับตั้งแต่กดดันจน “น้องแนท” นางเอกหนังโป๊ (อย่างเป็นทางการ) คนแรกของเมืองไทย ให้มาแสดงตัวกับตน

ท่ามกลางสื่อมวลชนที่ตามทำข่าวกันครึกโครม

“น้องแนท” มาแสดงแล้วก็จบไป ไม่ได้โดนข้อหาอาญาใดๆ

จริงๆ แล้วจะไม่มาก็ยังได้ แต่ท่าทีของพล.ต.ต.วิสุทธิ์นั้นทำเอาดาราคนดังไม่กล้าหือ

เหมือนติดลมบน พล.ต.ต.วิสุทธิ์ได้ออกทีวีบ่อยกว่าตำรวจคนอื่นๆ

ครั้งหนึ่ง เพลินไปหน่อย แฉออกทีวีว่ามีส่วยซีดีเถื่อนสะพัดมโหฬารในแวดวงตำรวจ

สุดท้าย ต้องถอยกลับหลังแทบไม่ทัน

ที่ถูกสังคมประณามก็ยังเคยมีมาแล้ว เมื่อพล.ต.ต. วิสุทธิ์สั่งให้ผู้ต้องหาค้ายาบ้า คาบถุงยาบ้าระหว่าง แถลงข่าว

ทั้งด่าว่าคนขายยาเสพติด เป็นพวก “อมนุษย์”

ผู้ชมสไตล์ซาดิสต์ฟังแล้วก็สะใจ แต่ก็เกินขอบเขตการแถลงข่าวปกติมากไป

แต่หนนี้ดูจะผิดไปแปลกไปจากเดิม เพราะถ้าข้อมูลไม่ ‘สะเทือนซาง’ จริง บรรดาส.ส.ใต้ ของประชาธิปัตย์คงไม่ออกมารุมตื้บกันแบบแท็กทีม

ด้วยวิธีถนัดคือเยาะเย้ยถากถางว่าไร้ผลงาน หรือเป็นแค่ “มือปราบจู๋เทียม”

แต่แม้จะถูกดาหน้าถล่มชุดใหญ่แล้วก็ตาม พล.ต.ต. วิสุทธิ์ก็ยังแสดงลูกบ้าเที่ยวล่าสุดออกมา

แทนที่จะหงอเงียบไป กลับเปิดฉากท้าทายให้ทำโพลวัดความนิยมในพื้นที่

ใครแพ้ลาออกจากตำแหน่งไม่พอ ต้องกราบตีนด้วย!

ทั้งยังประกาศขู่ไว้ว่ามีข้อมูลเด็ดจะเปิดแถลงอีกหน มั่นใจว่าจะตอกฝาโลง “นักการเมือง” ได้เลย

ทั้งนี้ หากความเชื่อของพล.ต.ต.วิสุทธิ์เป็นความจริง

ตัวการเตะพล.ต.ต.วิสุทธิ์ ก็จะเป็นคนๆ เดียวกัน

ที่เคยใช้บารมีกีดกัน พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา นั่นเอง

อย่างนี้ในประชาธิปัตย์มีสะดุ้งกันบ้าง

 


เปิดคำแถลงร้อน พล.ต.ต.วิสุทธิ์ ปะทะนักการเมือง

เปิดคำแถลงร้อน พล.ต.ต.วิสุทธิ์ ปะทะนักการเมือง
คอลัมน์ : รายงานปทุมวัน
credit to : Sahanut Maneekul

จากการเปิดแถลงข่าวของพล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ที่ถูกย้ายไปเป็นรองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี ในหัวข้อ “ฉะ โผตำรวจ นักการเมืองล้วงลูก” เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ชั้น 4 โรงแรมโนโวเทล สยามสแควร์ โดยนำพระพุทธชินราชจำลอง และรูปปั้นกวนอู มาวางไว้เพื่อเป็นสักขีพยานในการแถลงด้วย

จากนั้น ได้นำมาสู่การแถลงโต้อย่างรุนแรงของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง รวมทั้งอาจนำมาสู่การสอบสวนเอาผิดทางวินัยตามมา อีกทั้งยังมีการตอบโต้ไปมา นำมาสู่การท้าทายของทั้งสองฝ่าย เป็นเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในขณะนี้

จึงขอนำรายละเอียดการแถลงข่าวของพล.ต.ต.วิสุทธิ์ มาเสนอในส่วนที่สำคัญๆ อีกครั้ง ดังนี้

ผมแถลงข่าวเพื่อข้าราชการทั้งประเทศ ไม่ได้มาสร้างภาพ แต่มาต่อสู้ให้พี่น้องประชาชนข้าราชการทุกกระทรวงทบวงกรม รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจ ก่อนการแต่งตั้ง ตอนแรกมีข่าวว่าผมไปเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แต่แล้วมาเป็นรองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี ตั้งแต่ที่ผมอยู่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชนและสตรี เป็นผู้การจังหวัดอ่างทอง ทุกคนรู้ว่าผมทำงานอย่างไร ตอนนั้นแทนที่จะให้ไปอยู่บช.ภ.1 หรือที่ดีๆ ดูแลประชาชน แต่มันขอไปที ให้ไปขึ้นรองผู้บัญชาการภูธรภาค 9 นึกว่าพวกนั้นอันตราย วิสุทธิ์ทำงานไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่

สาเหตุที่ย้ายครั้งนี้ก็คือ ผมไปอยู่ที่บช.ภ.9 ดูแลจังหวัดสงขลา ตรัง สตูล พัทลุง มีบ่อนการพนัน อบายมุขทุกอย่าง โปปั่น โต๊ะพนันบอล หวยหุ้น น้ำมันเถื่อน ของหนีภาษี ยาเสพติด โดยเฉพาะยาแก้ไอสี่คูณร้อย ที่เอาไปผสมกระท่อมทำยาเสพติด ผมจับไปแล้วเกือบแสน ผมไปอยู่พอจับกุมก็มีนักการเมืองมาเคลียร์แต่เคลียร์ผมไม่ได้ และส่วนมากคนที่ทำคือนักการเมืองระดับชาติ นักการเมืองท้องถิ่น ลิ่วล้อ หัวคะแนน ทำอย่างนี้ทั้งหมด เดือนๆหนึ่งหลายร้อยล้าน น้ำมันเถื่อนได้ส่วนต่างลิตรละ 8 ถึง 10 บาท

ตอนผมอยู่ ย้ายตำรวจที่ละเลยการตรวจสอบจับกุมของผิดกฎหมายแบบนี้ไปแล้ว 8 คน จาก 4 โรงพัก ที่ผ่านมาภาค 9 ไม่เคยจับ พอผมไปจับสะเทือนทั้งวงการ รู้อยู่แล้ว ส.ส.ทางใต้ นักการเมืองภาคใต้เหล่านี้เป็นใคร ให้พวกลิ่วล้อ หัวคะแนนทำเรื่องผิดกฎหมายทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อผมไปจับเรียกว่าทุบหม้อข้าวไม่พอ ไปทุบโรงสีอีก รื้อโรงสีมัน นี่แหละสาเหตุที่ย้ายผม เพราะผมเป็นจระเข้ขวางคลอง ไม่ยอมนักการเมือง ลิ่วล้อนักการเมืองทำผลประโยชน์โดยมิชอบ

ตอนแรกผมคิดว่างานนี้คงไม่เป็นไร เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานก.ตร. ด้วยตัวเอง ท่านเป็นคนตรง เป็นจอมหลักการ เราคงไม่ถูกย้าย แต่คิดผิด

ที่ออกมาต่อสู้ครั้งนี้อยากบอกว่า วิสุทธิ์จะอยู่ไหนไม่เคยสนใจ ทำงานให้ชาติบ้านเมืองได้ทุกที่ แต่ทำเพื่อข้าราชการทุกกระทรวง ทบวงกรม เพราะตอนนี้นักการเมืองล้วงลูกทุกอย่าง ขนาดผู้อำนวยการโรงเรียนยังเข้ามาแทรกแซง ล้วงลูกตลอด ข้าราชการคนที่ตั้งใจทำงาน ด้วยความซื่อสัตย์ ซื่อตรง กล้าหาญไม่เคยได้รับการแต่งตั้ง ล้วงทุกกระทรวง ทุกกรม แทรกแซงจนเพลิน ขนาดจะไปล้วงลูกกระบวนการยุติธรรม แต่ผมเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมว่าไม่มีทางแทรกแซงได้ เพราะท่านมีศักดิ์ศรี มีเกียรติ แต่ก็พยายามแทรกแซงตามที่มีข่าวออกมา คิดสินี่คือความเพลิดเพลิน ความมัน ความหลงอำนาจ

ผมบอกเลยว่า นักการเมืองล้วงลูก ครั้งนี้การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจที่กำหนดตามกฎก.ตร.ว่า 33% ต้องให้คนอาวุโสได้เลื่อนตำแหน่งขึ้น ให้ไปไล่ดูเลยกลุ่ม 33% เหล่านี้ที่ไม่มีเส้นไปอยู่ในกรุทั้งนั้น ยกตัวอย่าง พ.ต.อ.ศรายุทธ พูลธัญญะ รองผบก.บก.ปราบปรามการค้ามนุษย์ เคยอยู่ทำงานในบช.ก.ในบก.ปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ จบนักเรียนนายร้อยตำรวจ จบปริญญาตรีและโท ด้านนิติศาสตร์ จบเนติบัณฑิต ก็ได้แต่งตั้งขึ้น เอาไปเป็นตำรวจตระเวนชายแดนเหมือนเข้ากรุ อย่างนี้มันเห็นว่า ไม่ได้เอาคนที่ดี มีความรู้มาทำงานที่เหมาะสม

เท่านั้นไม่พอ บางคนคิดว่าลูกพี่นายกฯ เป็นคนดีธรรมะธัมโม ภาพดีเดินไปสวัสดี ไม่ใช่เลย อาศรมของท่านตั้งอยู่ในบช.ภ.9 ซึ่งผู้บังคับการที่ไปเฝ้าบ้าน ไปเฝ้าอาศรมลูกพี่นายกฯ คนนี้ เพิ่งครบ 3 ปี ได้เป็นรองผบช.ภ.9 เท่านั้นไม่พอ ยังไปเอารองผบก.คนหนึ่งขึ้นมาสืบทอด ดูแลอาศรมต่อ มาเป็นผบก.จังหวัดนั้น แล้วอย่างนี้เรียกว่าล้วงลูกหรือไม่ ผมถามสิ อาศรมนี้ทุกคนนี้ก็รู้ว่าเป็นอย่างไร

อีกรายหนึ่ง ผบก.ภ.จว.สตูล ซึ่งอายุ 59 ปีแล้ว ผมรู้ดี ในบช.ภ.9 มีผบก. 7 คน ผบก.ภ. จว.สตูล มีผลงานมากที่สุด จับยาเสพติดที่ส่งข้ามประเทศก็จับกุมมาตลอด โรงพักในสังกัด ภ.จว.สตูล ก็ได้รางวัลโรงพักดีเด่นมา 2 รางวัล แต่ว่ามาถูกลูกพี่นายกฯ เอามาเป็นผบก.ศูนย์ฝึกอบรมบช.ภ.1 เอามาเก็บกรุ ลองพิจารณาดู ในกลุ่มผบก.ในบช.ภ.9 ผบก.ภ.จว.สตูล สุดยอดที่สุด ผลงานมากที่สุด ชนะที่ 1 มา 2 รางวัล แต่ว่าต้องมาถูกเก็บกรุที่ภาค 1 เพราะอะไรหรือ

เพราะนายกฯ ท่านคาดการณ์ เหมือนที่คาดการณ์ผิดมาตลอดในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการชุมนุมของคนเสื้อแดง ทั้งจำนวนและความรุนแรงการเผาทำลายต่างๆ การแฝงตัวของกลุ่มชุดดำ ที่นายกฯ คาดว่ามันจะไม่รุนแรง นี่คือตัวอย่างการคาดการณ์ของนายกฯ ที่เป็นผู้บริหารประเทศ มีวิชั่นวิสัยทัศน์แค่นี้หรือ แล้วเห็นหรือไม่ว่าผลสุดท้ายเป็นเช่นไร และที่คาดการณ์ผิดอีกเรื่องคือ การให้พรรคภูมิใจไทยคุมกระทรวงมหาดไทยและคมนาคม และที่คาดการณ์ที่สุดในชีวิตของนายกฯ คือการเป็นประธาน ก.ตร.และย้ายพล.ต.ต.วิสุทธิ์ เข้ากรุ ท่านคาดการณ์ผิดจริงๆ เพราะผมคือคนของประชาชนและแผ่นดิน เป็นของจริง ซึ่งการคาดการณ์ผิดต่อเนื่องเรื่อยๆแสดงให้เห็นว่าไม่มีวิสัยทัศน์ เป็นนายกฯ ไม่ได้หรอก

แม้แต่น้ำท่วมครั้งนี้ก็คาดการณ์ผิด เรื่องการเตรียมพร้อมแจ้งแก่ประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่นายกฯ ไม่ใช่การไปเดินลุยน้ำ แจกถุง เป็นการสร้างภาพ เพราะนายกฯ คนนี้คนเกลียดก็เยอะ ลงไปลุยน้ำทีหนึ่ง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองทำหน้าที่คุ้มกันเดินลุยน้ำอีก 400-500 คน หน้าที่นายกฯ ต้องไปแก้ปัญหา ช่วยเหลือประชาชน และป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ ไม่ได้ต้องการกำลังใจแจกของ

ผมยกตัวอย่างให้ฟัง รัฐบาลเป็นบ้าน มีคณะรัฐบาลอยู่ในบ้าน วิสุทธิ์เป็นตำรวจ เป็นประตูหน้าต่างให้บ้าน โจรจะเข้าบ้าน เข้าไม่ได้ ติดประตูหน้าต่าง รัฐบาลคนในบ้านปลอดภัย ผมถามสิ บ้านหลังนี้ถ้าไม่ติดวอลเปเปอร์ แล้วเป็นอย่างไร ไม่ติดก็ไม่เห็นเป็นอะไร วอลเปเปอร์ติดในบ้านก็ช่วยกันโจรขโมยไม่ได้ ถ้าติดแล้วน้ำฝนไหลลงมา วอลเปเปอร์เน่าๆ มันหลุดออกมา มันทำให้บ้านไม่สวย เพราะฉะนั้น ผมตั้งฉายาใหม่ ให้เป็นก้อนหิน เพราะท่านนายกฯ ฉลาด เอาก้อนหินถามทางมาตลอด ตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งใหม่ๆ ก็เอาก้อนหินโยนมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาคุ้ยเรื่องซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้ง ทำให้มันดุเดือดเลือดพล่านเสร็จแล้วตัวเองจะต้องได้ ครั้งต่อมาโยนไปเรื่องซื้อดาวเทียมที่ประเทศสิงคโปร์ กลับมาทำปั่นป่วนหมด อีกครั้งโยนเข้าไปในเรือนจำ นี่คือก้อนหินของนายกฯ ผมบอกเลยว่า วอลเปเปอร์แปะในบ้านมันสวยๆ เท่านั้น แต่ประตูหน้าต่างอย่างผมที่ปกป้องคนในบ้านได้

ผมว่าน้องมาร์ควี 11 นายวิทวัศ ท้าวคำลือ เป็นเด็กคนนึงที่รู้จักนายกฯ ดีมาก

กรณีผู้กำกับสมเพียร เอกสมญา ที่มาร้องขอชีวิตต่อนายกฯ นายกฯ ก็นิ่ง ไม่ได้รับการช่วยเหลือ ปล่อยให้ไปทำงานไปตาย ซึ่งนายกฯ ต้องรับผิดชอบ ผมว่าวิญญาณของพล.ต.อ.สมเพียร ยังวนเวียน ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด เพราะท่านรอท่านนายกฯ ตามไปขอโทษ ถามจริงๆ ใครก็ทราบว่าท่านนายกฯ ทำได้ทั้งนั้น ตอนที่ผู้กำกับมาร้องขอชีวิต ถ้านายกฯ สนใจสั่งผบ.ตร.ออกคำสั่งมาช่วยราชการที่ไหน ไกลพื้นที่ก็ได้ แต่กลับไม่สนใจปล่อยให้ตายในพื้นที่แล้วมาให้สิ่งตอบแทนภายหลัง นายกฯ ครับ ท่านผู้กำกับเพียร รอท่านอยู่ รอท่านตามไปขอโทษ วิญญาณผู้กำกับเพียรจะได้นอนตายตาหลับ

ผมกล้าเดิมพันให้ไปทำโพลใน พื้นที่ 4 จังหวัดที่ผมดูแล เอาเฉพาะจังหวัดสงขลา ไปถามเลยว่า วิสุทธิ์เป็นตำรวจดีสมควรอยู่หรือไม่ หรือว่าเป็นคนไม่ดีไม่สมควรอยู่ ถ้า 70% บอกว่าผมเป็นตำรวจดี สมควรอยู่จะว่าอย่างไร แต่ถ้าต่ำกว่านั้นผมจะลาออก จะไปกระโดดน้ำที่สะพานพระนั่งเกล้า วัดดวง ถ้ามีกอสวะมาผมก็เกาะแล้วรอด ไม่มีก็ตายไป แต่ถ้าคนสงขลาชอบผมเห็นว่าเป็นตำรวจดี สมควรอยู่ในพื้นที่เกิน 70% ทั้งนายกฯ และผบ.ตร.จะต้องมากราบตักผมงามๆ มาขอโทษแล้วบอกว่าย้ายผิดไป

การแทรกแซงอะไรยังพอทน แต่การแทรกแซงการแต่งตั้งตำรวจนั้นรับไม่ได้ เพราะตำรวจเป็นต้นน้ำกระบวนการยุติธรรม เอารุ่นน้องมาดูแลรุ่นพี่ อย่างในกระทรวงมหาดไทยที่เอาอาวุโสลำดับที่ 54 มาเป็นปลัด มันเหมือนเอาพระเณรมาดูแลเจ้าอาวาส ดูแลเจ้าคณะ แล้วอย่างนี้บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ เพราะนักการเมืองแทรกแซงมาจนเพลิน ต่อไปนี้ผมจะมาแนวใหม่เมื่ออยู่ในกรุ ก็จะดูแลงบฯ ลับของตำรวจ การสั่งซื้อสั่งจ้างของตำรวจ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎกติกา

ที่ผมพูดวันนี้ใครอย่ามาสวน หากจะตอบโต้ต้องดูตัวเองก่อนว่าขาว บริสุทธิ์หรือไม่ หากสวนมั่วๆ ผมจะไล่ประวัติตั้งแต่ต้น ถึงขั้นเอาลูกน้องไปถ่ายภาพหน้าบ้านว่ารับอะไรใครเท่าไหร่ เกิน 3,000 บาทหรือไม่ นี่คือพล.ต.ต.วิสุทธิ์ ที่ต่อไปจะตรวจสอบการทำงานของตำรวจและรัฐบาล มั่วๆ แล้วตายแน่ ขอเตือนนายกฯ ว่าคนรักท่านก็มาก เกลียดก็มาก ไปไหนมีคนมาห้อมล้อม เอาดอกไม้มาให้อย่าทะนงตัว ไม่รู้หรอกว่าพวกนักการเมืองท้องถิ่นจัดฉากให้ท่าน ถูกจัดฉากให้จนเหลิง

ต่อไปผมขอปกป้องข้าราชการไทย คนใดมีข้อมูลอะไรส่งมาให้ตน ติดต่อที่โทร. 08-1834-6699 เมื่อได้ข้อมูลผมจะสืบต่อ และจะจัดการฟ้องร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติด้วยตนเอง ทั้งนี้ ต่อไปตำรวจและรัฐบาลต้องอยู่ในกติกา เพราะอยากเอาผมมาในกรุ มาดูกฎหมายและคดี ผมถนัดพอดี ผมจะร้องเอง และเอาคำร้องและจะแจกนักข่าว มาฟ้องประชาชน ผมว่าการที่รัฐบาลจะปรองดองแล้วทำเช่นนี้ต้องรออีก 3 ชาติ เพราะรัฐบาลยังน้ำเน่า ใครก็รู้ว่านักการเมืองบ้านเราเลวๆ ทั้งนั้น ทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ประชาชนเดือดร้อนกันหมด

สิ่งที่ผมพูด วันนี้ต่อหน้าพระพุทธชินราช ต่อหน้าเทพเจ้ากวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ ว่าผมเป็นคนที่ทำงานเพื่อประเทศและประชาชน และอยากให้ประชาชนช่วยกันกระจายข่าวนี้ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก เฟซบุ๊กต่างๆ บอกว่าอย่ารังแกคนที่ดูแลทุกข์สุขประชาชนอย่างผม ผมขอบุญบารมีที่ผมสร้างมา ขอให้ข้าราชการทุกคนลุกขึ้นมาต่อสู้ และขอให้ลงโทษนักการเมืองที่ทำร้ายประชาชน ทำร้ายประเทศชาติ จนแตกแยกอย่างทุกวันนี้

เมื่อคืนผมฝันว่า เร็วๆ นี้นายกฯ จะสูญเสียอะไรสักอย่าง เพราะท่านสร้างภาพว่าท่านเป็นคนดี เพราะนั่นไม่ใช่ เพราะท่านเองยังไม่กล้า ท่านเด็กเกินไป วิสัยทัศน์ไม่มี เพราะฉะนั้น ผมเตือนด้วยความหวังดีในฐานะรุ่นพี่