สหรัฐต้องจ่ายค่าตัว ‘บูท’ เท่าไร?

เว็บไซต์ http://robertamsterdam.com/thai/ ได้ตีพิมพ์บทความชื่อ “การส่งตัวนายบูทและราคาที่สหรัฐต้องจ่ายให้กับรัฐบาลไทย” ซึ่งไม่ใช่แค่ผลประโยชน์ระหว่างไทยกับสหรัฐเท่านั้น แต่เชื่อว่ามี “ข้อตกลงพิเศษ” ที่ไม่เปิดเผยอีก ขณะเดียวกับที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ว่า “การที่ประเทศไทยส่งตัวนายวิคเตอร์ บูท ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นพ่อค้าขายอาวุธชาวรัสเซียให้กับสหรัฐ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และไม่มีเหตุผลรองรับ อย่างไรก็ดี การส่งผู้ร้ายข้ามแดนดังกล่าว เชื่อว่าเป็นผลมาจากสหรัฐกดดันรัฐบาลไทยและกระบวนการยุติธรรมของไทย โดยรัฐบาลรัสเซียจะสนับสนุนนายวิคเตอร์ บูท ทุกกรณี”

ด้านนายวิคเตอร์ บูโรบิน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงยุติธรรมรัสเซีย ยอมรับว่าทางการรัสเซียคงทำอะไรไม่ได้มากนักในขณะนี้ และยากที่รัฐบาลรัสเซียจะช่วยเหลือนายบูท โดยเฉพาะข้อหามีส่วนสมคบคิดกันสังหารพลเมืองอเมริกันและจัดหายุทโธปกรณ์ ต่างๆให้กับองค์กรก่อการร้ายหลายแห่งทั่วโลก

ขณะเดียวที่ นายปีเตอร์ แดนส์เสิร์ท ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าอาวุธระดับโลกจากสถาบันระหว่างประเทศในเบลเยียม ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่อง “การเมืองล้วนๆ” เพราะสหรัฐและชาติพันธมิตรของสหรัฐต่างก็มีส่วนพัวพันกับการค้าอาวุธที่ผิด กฎหมายด้วยกันทั้งสิ้น แต่กลับไม่เคยมีการดำเนินคดีด้วยเหตุผลด้านการเมืองอีกเช่นกัน

ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่า “เรามีหน้าที่ต้องทำในสิ่งที่เห็นว่าจำเป็นต้องทำ เพราะฉะนั้นก็ต้องชี้แจงให้ทางรัสเซียทราบ ทั้งนี้ เราคงไม่สามารถทำให้ทุกคนถูกใจได้ ก็ต้องยอมรับ”

นายวิคเตอร์ บูท ถูกส่งตัวจากเรือนจำในกรุงเทพมหานครไปยังสหรัฐอเมริกา โดยเครื่องบินเจ็ตชนิดพิเศษ หลายคนคงอดสงสัยไม่ได้ว่าสหรัฐได้ตกลงอย่างลับๆอะไรกับรัฐบาลไทยบ้าง เพื่อขอให้ทางการไทยส่งตัวนายบูทไปยังสหรัฐ

หากพิจารณาตามข้อมูลจะพบว่า การส่งตัวนายบูทไปยังสหรัฐนั้นมีความสำคัญต่อรัฐบาลสหรัฐมาก อาชีพของนายบูททำให้นายบูทเป็นแหล่งข่าวที่ดีเกี่ยวเรื่องการค้าอาวุธของรัฐ บาลรัสเซียทั่วโลก ซึ่งเพิ่มความสำคัญต่อการส่งตัวนายบูทมากขึ้น โดยนักข่าว นาย Douglas Farah ได้กล่าวเกี่ยวกับกรณีของนายบูทว่า

“นายบูทอาจสามารถให้ข้อมูลเครือข่ายการค้าอาวุธของรัสเซียกับกองกำลัง เคลื่อนไหวอาวุธจิฮาดิในโซมาเลียและเยเมน รวมถึงข้อมูลข่าวกรองทางการทหารและรายละเอียดสายบังคับบัญชาการของกองทัพใน รัสเซีย รวมถึงผลประโยชน์ที่รัสเซียมีต่อเวเนซุเอลา อิหร่าน และที่อื่นๆ แม้ว่านายบูทจะมีอายุเพียงแค่ 43 ปี แต่ฐานข้อมูลของเขาอาจสามารถย้อนกลับไปได้ถึง 20 ปี และอาจจะสามารถขยายข้อมูลไปถึงนโยบายของรัฐบาลรัสเซียต่อประเทศอื่นๆทั่ว โลก”

สิ่งสำคัญที่สุดคือ หากนายบูทยอมเจรจาต่อรองกับสหรัฐ นายบูทอาจให้ข้อมูลใหม่ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของรองนายกรัฐมนตรีไอกอร์ เซซิ่น และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมการส่งตัวนายบูทเป็นเรื่องที่น่าตกใจ แน่นอนไม่มีอะไรประกันว่านายบูทจะยอมเปิดปากพูด นายบูทอาจจะปิดปากเงียบ และปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล เพราะรัฐบาลรัสเซียเอามีดจ่อคอหอยครอบครัวนายบูทอยู่ และเราไม่ควรจะมองข้ามผลประโยชน์ของนายโอบามาที่อาจจะมีการ“ตัดสินใจใหม่” โดยการส่งตัวนายบูทกลับรัสเซียแบบมีการ “แลกเปลี่ยนสายลับ” อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เป็นที่แน่ชัดว่ารัฐบาลไทยได้เจรจาต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์อันมหาศาลกับ สหรัฐ และปฏิเสธข้อเสนออย่างงามจากรัสเซีย เพื่อรับรองการส่งตัวนายบูทไปยังสหรัฐ รัฐบาลไทยกลายเป็นนักต่อรองที่กระตือรือร้น เพราะถูกกดดันจากประชาคมโลกเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการใช้อำนาจเด็ดขาดของรัฐที่เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลไทยคิดว่ามีความจำเป็นที่จะต้องซื้อเสียงสนับสนุนจากสหรัฐในทุกวิถี ทาง แม้ว่าข้อเสนอของรัสเซียจะดีแค่ไหน หรือรัสเซียจะข่มขู่ไทยอย่างไรก็ตาม

คำถามคือ นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ผลประโยชน์อะไรจากข้อตกลงนี้ และข้อตกลงดังกล่าวมีผลประโยชน์ทางการเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อ สหรัฐอย่างไร?

ประเด็นที่น่าพิจารณาคือ รัฐบาลสหรัฐอาจนำยุทธศาสตร์สงครามเย็นกลับมาใช้ใหม่ โดยหากรัฐบาลไทยสนับสนุนผลประโยชน์ของสหรัฐ รัฐบาลสหรัฐก็จะให้ผลประโยชน์แลกเปลี่ยนโดยอนุญาตให้รัฐบาลไทยทำอะไรก็ได้ใน ประเทศตัวเอง ดูอย่างช่วงยุค 50, 60 และ 70 ที่สหรัฐ “อนุญาต” ให้เผด็จการโหดเหี้ยมอย่างสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และถนอม กิตติขจร ปฏิบัติต่อประชาชนไทยอย่างป่าเถื่อน สหรัฐให้การช่วยเหลือรัฐบาลไทยอย่างลับๆในการสังหารหมู่ในปี 2516 และ 2519 ส่งเสริมกลุ่มกองกำลังที่ต่อต้าน ทรมาน และสังหารคอมมิวนิสต์ รวมถึงรัฐประหารหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนหรือการไม่วิพากษ์วิจารณ์การกระทำดังกล่าว

นับตั้งแต่เหตุการณ์สังหารหมู่ที่กรุงเทพมหานครในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ปีนี้ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 90 ราย รัฐประหารปี 2549 ตามมาด้วยการปิดปังข้อมูลข่าวสารอันมหาศาล และการคุมขังนักโทษทางการเมืองหลายร้อยคนของรัฐบาลไทย รัฐบาลสหรัฐแทบจะไม่เคยตำหนิรัฐบาลไทยอย่างชัดแจ้งเลย เราคาดว่าในจุดนี้รัฐบาลสหรัฐคงจะไม่เปลี่ยนท่าทีง่ายๆ และในขณะที่รัฐบาลสหรัฐเรียกร้องเสรีภาพในพม่า แต่กลับหาทางที่จะลิดรอนเสรีภาพในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีผลประโยชน์ที่ซับซ้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆ

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 6 ฉบับ 286 วันที่ 20 – 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 หน้า 8 คอลัมน์ จับกระแสการเมือง โดย ทีมข่าวการเมือง


วิคเตอร์ บูท (1)

วิคเตอร์ บูท (1)
โดย : นิติภูมิ นวรัตน์
24 สิงหาคม 2553
ที่มา : เว็บไซต์นิติภูมิ

นิติภูมิเขียน หนังสือในราตรีด้วยความมึนนิดหน่อยเพราะ วันนี้เป็นวันที่ผมถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Island of the unwanted ได้ ๗๐% ราตรีนี้ที่ สวนนงนุชพัทยาจึงมีงานเลี้ยงที่เป็นชาวรัสเซีย อูเครน และชาวไทยมากกว่า ๑๕๐ คน มาร่วมฉลองแสดงความยินดี ท่านผู้อ่านก็คงจะนึกออกนะครับ ว่าในฐานะผู้บริหารสูงสุดของบริษัท บาลานซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล คอนเน็คชั่นส์ จำกัด นั้น ผมต้องชนแก้วมากมายนับร้อยแก้ว ทุกแก้วเป็นว้อดก้าทั้งนั้น

วันศุกร์ที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ สื่อมวลชนไทยหลายฉบับรายงานข่าวเกี่ยวกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เรื่องพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหรัฐอเมริกา ควบคุมหรือขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ท่านทั้งหลายคงทราบว่า จำเลยในคดีนี้คือ นายวิคเตอร์ บูท หรือบอริส หรือ วิคเตอร์ บัท หรือวิคเตอร์ บูคาลิน หรือวาดิม มาโควิช อมินอฟ หลังจากศาลแห่งราชอาณาจักรไทยได้ประกาศคำพิพากษาอย่างเป็นทางการ ส่วนมากสถานีโทรทัศน์ไทยจะแสดงภาพนายวิคเตอร์ บูท ที่มีสภาพจ๋อยอยู่ในคุกไทย บางช่องเปิดเผยข้อมูลว่า เขาน้ำหนักลดจาก ๑๒๐ กิโลกรัม เหลือเพียง ๗๐ กิโลกรัม ผอมกว่านิติภูมิในขณะนี้เสียอีก บางสถานีโทรทัศน์ของรัสเซียเผยภาพนายวิคเตอร์ บูทจูบลาเมีย คือ นางอัลลา บูท ก่อนนายบูทจะเดินไปขึ้นรถเรือนจำเพื่อกลับไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพเป็น ครั้งสุดท้าย

ภาพนี้ ประชาชนคนรัสเซีย ๑๔๘ ล้านคน และประชาชนคนอีกเกือบถึงหนึ่งพันล้านคนทั่วโลกเห็นแล้วก็ร้องไห้ สถานีโทรทัศน์หลายแห่งของรัสเซีย แปลข่าวจากผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยหลายช่อง เช่น โฆษกช่อง ๕ บอกว่า “รู้สึกพอใจเป็นอย่างมากที่ผู้ก่อการร้ายนานาชาติ อดีตสายลับเคจีบี พ่อค้าอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในโลก นายวิคเตอร์ บูท ถูกส่งกลับไปยังศาลในสหรัฐอเมริกา” สถานีโทรทัศน์ของไทยหลายช่อง เอาภาพเครื่องบิน ILYUSHIN-76 ทะเบียนของสาธารณรัฐจอร์เจียซึ่งมีนักบินเป็นชาวคาซัคสถานที่ถูก จับในสนามบินดอนเมือง ในระหว่างการขนอาวุธจากเกาหลีเหนือมาแวะพักที่ประเทศไทย เพื่อจะให้ผู้ชมได้เข้าใจว่า เครื่องบินดังกล่าวเกี่ยวดองหนองยุ่งกับนายวิคเตอร์ บูท คนรัสเซียทั้งประเทศ ๑๔๘ ล้านคนติดตามข่าวนี้อย่างละเอียดและก็เริ่มสงสัยว่า ทำไมสถานีโทรทัศน์ ๔ ช่องของประเทศไทย จึงเริ่มทำการโจมตีนายวิคเตอร์ บูท และสหพันธรัฐรัสเซียเหมือนกัน ใช้คำพูดเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน คนรัสเซีย และรัฐบาลรัสเซียคิดตรงกันว่า นี่เป็นเรื่องมือที่มองไม่เห็น ที่ฝากข่าวนี้ไปให้สถานีโทรทัศน์ของราชอาณาจักรไทย แต่มือก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ไอ้คนสั่งนั้นลืมใช้สมองเพราะคิดว่าผู้ชมชาวไทยนั้นโง่ โดยไม่รู้ว่านายวิคเตอร์ บูทติดคุกในประเทศไทยมานาน ๒ ปีครึ่งแล้ว และจะไปจัดการกับเครื่องบินขนอาวุธจากเกาหลีเหนือได้อย่างไร การติดคุกที่แดน ๘ ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ไม่มีทางเลยที่ผู้ติดคุก จะบงการเพื่อให้เครื่องบินจากเกาหลีเหนือขนอาวุธมายังประเทศไทย

ผมได้ทราบคำยืน ยันจากปากของนายวิคเตอร์ บูทว่าในห้วงช่วงสงกรานต์ มีผู้มาพบบูทที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และบอกว่าถ้ายูจะรอดปลอดภัย ยูจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ expert ไปให้การในศาล ว่าพันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ทำ operation ดำเนินการทั้ง หมดทั้งปวงในการขนอาวุธจากเกาหลีเหนือมายังประเทศไทย และอาวุธดังกล่าว จะมาใช้กับพวกเสื้อแดง

นายวิคเตอร์ บูทแกก็งง ว่าอะไรคือเสื้อแดง แกก็ปฏิเสธ เพราะแกไม่ต้องการมาเกี่ยวดองหนองยุ่งกับการเมืองในประเทศอื่น

การรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ของประเทศไทย ถูกนำไปรายงานซ้ำอีกทีในสถานีโทรทัศน์ของรัสเซีย ทุกคนหัวเราะเยาะ พวกผู้ประกาศโง่ทั้งหลายที่บอกว่า นายวิคเตอร์ บูท เป็นสายลับเคจีบี ผู้ประกาศข่าวบางคนทะลึ่งประกาศว่า นายวิคเตอร์ บูท เป็นจำเลยของคดีการค้าอาวุธ ทั้งๆ ที่ตามความเป็นจริง นายวิคเตอร์ บูท ไม่เคยได้รับการตัดสินลงโทษในศาลใดๆ ในโลกนี้ และแม้แต่ตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกาเองก็ยังถือว่า นายวิคเตอร์ บูท เป็นแค่ผู้ต้องหา มิใช่นักโทษ

นายดักลัส ฟาราห์ ไอ้คนแรกในโลกนี้ที่หากินกับการเขียนหนังสือนิยายเรื่อง Merchant of Death มันยังเขียนในหนังสือของมันเลยว่า นายวิคเตอร์ บูทนั้น เป็นแค่ล่ามแปลภาษาของทหาร มียศกระจอกงอกง่อยเพียงแค่ร้อยโท ก่อนจะลาออกจากทหารมาทำธุรกิจการขนส่งทางอากาศ

นิติภูมิผู้อ่านหนังสือเรื่อง Merchant of Death ขอเรียนกับผู้อ่านท่านที่เคารพว่า อันนี้ เป็นเพียงความเป็นจริงสิ่งเดียวในหนังสือดังกล่าว นอกนั้น มันแต่งขึ้นมาทั้งหมด แต่งเป็นนิยาย ให้ดูตื่นเต้น ให้มันขายได้ แต่หนังสือบ้านี่บั้นปลายท้ายต่อมา ดันทะลึ่งขายดี ก็เลยสร้างภาพพจน์ให้นายวิคเตอร์ บูทเป็นผู้ร้ายระดับโลก

ผู้อ่านท่านผู้เจริญ พรุ่งนี้มาว่ากันต่อครับ วันนี้นิทราราตรีสวัสดิ์ ลาไปก่อนครับ ลาไปแล้วนะครับ


วิคเตอร์ บูท (2)

วิคเตอร์ บูท (2)
โดย : นิติภูมิ นวรัตน์
25 สิงหาคม 2553
ที่มา : เว็บไซต์นิติภูมิ

ใครที่คิดว่าอเมริกาจะช่วยตนและพวกให้พ้นข้อหาอาชญากรรมระหว่างประเทศ โดยการเอาคดีความบางเรื่องเข้าแลก ก็อย่าหวังว่าอเมริกาจะจริงใจนะครับ ชีวิตมนุษย์จำนวน ๙๑ คน ที่ต้องตายวายชีวันจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ในอนาคตอาจนำความยุ่งยากมาสู่ผู้คนบางกลุ่มด้วยการจะต้องถูกฟ้องร้องของคดีสังหารหมู่ คดีการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ คดีทำร้ายพลเรือน ฯลฯ

เรื่องการรับโทษทัณฑ์เป็นเรื่องในอนาคต ยังไม่มีอะไรจริงแท้แน่นอน แต่ข่าวที่จะเป็นของแท้แน่ชัดก็คือ บริษัทไทยที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับเรื่องท่องเที่ยวเตรียมรับความหายนะได้ วันที่ผมเขียนต้นฉบับอยู่นี้ มีข่าวจากกรุงมอสโกความว่า ส.ส. ซิรินอฟสกี รองประธานสภาดูมาของรัสเซีย ซึ่งเป็นมหาบัณฑิตจากสถาบันเอเชียและแอฟริกาศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยมอสโก ประกาศว่าจะบอยคอตการท่องเที่ยวไทย คนไทยครอบครัวไหนเคยมีอาหารอิ่มท้องเพราะนักท่องเที่ยวรัสเซียมาใช้บริการ ก็เตรียมทำใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ พร้อมทั้งต้องลองออกไปหาอาชีพเสริมทำ

ผู้อ่านท่านผู้ เจริญ ศาลอาญาซึ่งเป็นศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๒ ปฏิเสธคำร้องของสหรัฐอเมริกาในการส่งนายวิคเตอร์ บูท เป็นผู้ร้ายข้ามแดน โดยให้เหตุผลว่า ลักษณะนี้เป็นคดีการเมือง และเป็นคดีที่ศาลไทยพิจารณาไม่ได้ เพราะข้อกล่าวหาของสหรัฐอเมริกาไม่ตรงกับมาตราใดๆ ของศาลไทยเลย

วันเดียวกันนั้น พนักงานอัยการอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษาศาลอาญา ศาลอุทธรณ์รับไว้เมื่อ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขังนายวิคเตอร์ บูทไว้เพื่อส่งตัวข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ เมื่อ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๓

แต่สังคมภายนอก รู้คำพิพากษาพร้อมกันทั่วโลกเมื่อ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ แสดงว่าคำพิพากษามีก่อนหน้าที่ประกาศจริงถึง ๒ เดือน ๒๗ วัน

ในห้วงช่วง ๓ เดือนที่ว่านี้ นายกษิต ภิรมย์ เดินทางไปกรุงมอสโก เพื่อคุยกับกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องของนายบูทด้วย แถมนายกษิตเองก็พบกับนายเซรเกย์ ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศของรัสเซียที่กรุงฮานอยเมืองหลวงของเวียดนาม เมื่อออกมาจากห้องสนทนา นายลาฟรอฟบอกกับคนที่นั่งคอยอยู่หน้าห้องว่า “รัฐมนตรี ต่างประเทศของไทยเริ่มพูดถึงกรณีของนายบูทก่อน……”

เรื่องที่นายกษิต พูดกับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียนั้น เป็นความลับ ไม่มีใครทราบ แต่ผมก็ไม่คิดนะครับ ว่านายกษิตจะแย่ขนาดเอาเรื่องอิสรภาพนายวิคเตอร์ บูท ไปแลกกับการขอให้รัสเซียส่งพันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาให้รัฐบาลไทยลงโทษ

พันตำรวจโท ดร. ทักษิณเป็นบุคคลที่ผู้ใหญ่ทางฝ่ายรัสเซียรักมาก คบกันเป็นเพื่อนตาย นิติภูมิรู้จักคนรัสเซียดี ผมจึงมั่นใจว่า คนรัสเซียไม่ขายเพื่อน

ยิ่งถ้าหากนายกษิต ภิรมย์ รู้ผลคำพิพากษาล่วงหน้า ว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วว่าให้ส่งตัวนายวิคเตอร์ บูท ไปให้สหรัฐอเมริกา ทว่าในระหว่างนั้น นายกษิตยังกล้าไปเจรจาเรื่องแลกตัวนายวิคเตอร์ บูท กับ พันตำรวจโท ดร. ทักษิณฯ ผมว่าอันนี้ก็เหมือนรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยไปหลอกลวงรัฐบาลรัสเซีย

คนบ้านนอกคอกนา ตระกูลแม่ค้าขายขนมในตลาดสดและทำไร่ไถนาหาปลาในทะเลอย่างนิติภูมิ ก็ไม่เชื่อหรอกครับ ว่าผู้ดีอย่างนายกษิตจะทำ

แต่ถ้าทำ ก็ต้องถือว่านายกษิตเป็นคนเลวมาก และก็สมควรที่คณะ รัฐบาล และสมาชิกรัฐสภาแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย และประชาชนคนรัสเซียจะโกรธมาก

รัสเซียทำ ทุกอย่างเพื่อให้นายบูทมีอิสรภาพ และช่วยหาหลักฐานมามอบให้ฝ่ายสงสัยหลายครั้ง เพื่อยืนยันว่านายบูทเลิกธุรกิจระหว่างประเทศทั้งหมด รวมทั้งธุรกิจการบินด้วยตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๔ มีหลักฐานจาก ต.ม. รัสเซียว่า ระหว่าง พ.ศ.๒๕๔๔-๒๕๕๑ นายวิคเตอร์ บูท เคยเดินทางไปจีน ๑ ครั้ง มอนเตรเนโก ๑ ครั้ง อาร์เมเนีย ๑ ครั้ง และมาเมืองไทย ๑ ครั้ง โดยเหยียบแผ่นดินไทยได้เพียง ๓ ชั่วโมงก็ถูกจับ

ถ้าบูทเป็นพ่อค้า อาวุธตัวจริงก็น่าจะรวยนะครับ สมบัติพัสถานของคนค้าอาวุธบ้าอะไร ทำไมมีน้อยจัง? มีบ้าน ๒ ชั้น ๓ ห้องนอน ขนาดไม่กี่ตารางวาที่อยู่ห่างจากรุงมอสโกไปตั้งเกือบครึ่งร้อยกิโลเมตร สมบัติอีกอย่างก็เป็นคอนโดมิเนียมขนาดเล็ก ๒ ห้องนอน และมีหุ้นเล็กน้อยในบริษัทผลิตวัสดุก่อสร้างสำหรับตลาดรัสเซีย

ตั้งแต่หัวหน้า ครอบครัวติดคุกไทย ครอบครัวของบูทต้องวิ่งหาสตางค์มาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี จนขณะนี้ มีแต่หนี้รุงรัง

นางอัลลา ภรรยาของนายบูท ไม่เคยออกนอกประเทศไทยเลยมามากกว่า ๒ ปีแล้ว เธอเช่าห้องเล็กๆ ขนาด ๔๐ ตารางเมตรแถวเรือนจำ เพื่อซุกหัวนอน และเพื่อสามารถเดินทางไปเยี่ยมและนำอาหารไปให้สามี ได้ทุกวันๆ ละ ๑๕ นาที ลูกสาววัย ๑๖ ปีของวิคเตอร์ บูท และนางอัลลา ต้องย้ายไปขออาศัยอยู่บ้านตากับยายในกรุงเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก

พ่อค้าอาวุธบ้า อภิพญามหาเศรษฐีอะไรกันครับ ต้องยืมเงินคนไทยเพื่อนำไปใช้จ่ายประคองชีวิตให้ดำรงคงอยู่ได้ ยืมทีละไม่กี่หมื่นบาทซะด้วย

พวกเอ็งจะบ้านิยายที่ไอ้ดักลาส ฟาราห์ โม้กันไปถึงไหน?


นำไฟเข้าบ้านซะแล้ว

นำไฟเข้าบ้านซะแล้ว
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2553
โดย : ทีมข่าวการเมือง

เรื่องพิพาทชายแดนกัมพูชาแค่สิวไปเลย

เพราะวันนี้ รัฐบาลประชาธิปัตย์ได้นำพาประเทศไทยก้าวไปอยู่ในจุดเด่น ที่โลกจ้องมองเป็นตาเดียวกัน ยืนอยู่ตรงกลาง “เขาควาย” ระหว่าง 2 มหาอำนาจยักษ์ใหญ่ของโลก สหรัฐอเมริกากับรัสเซีย

ในสถานการณ์ที่มีแต่ “เสียกับเสีย”

กับปม “วิคเตอร์ บูท” พ่อค้าอาวุธชาวรัสเซีย เจ้าของฉายา “พ่อค้าความตาย” ที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาส่งตัวให้รัฐบาลสหรัฐฯ ท่ามกลางเสียงขู่คำรามฮึ่มๆของทางการรัสเซีย ต้องเอาตัวประชาชนของตัวเองกลับมาตุภูมิให้ได้

ลำพังไทยในฐานะ “สมันน้อย” อยู่ตรงกลางสิงห์กับเสือ ยังพอทำเนา

เข้าใจได้ถึงเงื่อนไขอาการ “อึดอัด”

แต่เรื่องของเรื่อง มันดันโยงกับการเมืองภายในประเทศ ตามข้อมูลร้อนๆของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แทรกคิวอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณ 2554 แฉดังๆกลางสภา ว่า คนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่เฉลยกันในนาทีต่อมาว่าชื่อนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของฉายา “เดอะวอลเปเปอร์” ย่องเข้าเรือนจำหลังเวลาเยี่ยม เพื่อทำการล็อบบี้ “วิคเตอร์ บูท” ให้ซัดทอดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนสั่งขนอาวุธจากเกาหลีเหนือมายังประเทศไทย เพื่อไปให้กับคนเสื้อแดง โดยเครื่องบินถูกจับได้ระหว่างลงจอดเติมน้ำมันที่สนามบินดอนเมือง

แลกกับการช่วยเหลือในทุกกรณี

ขณะที่นายศิริโชคก็ไม่ปฏิเสธว่า แอบเข้าไปพบ “วิคเตอร์ บูท” แค่อ้างว่า เป็นการทำหน้าที่ ส.ส. ติดตามตรวจสอบข่าว “ตัดแปะ” จากหนังสือพิมพ์ ศรีลังกาที่ฝ่ายค้านแฉรัฐบาลศรีลังกาแอบตกลงกับอดีตนายกฯ ทักษิณเรื่องเงิน สนับสนุนหาเสียงประธานาธิบดี และ พ.ต.ท.ทักษิณเกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธให้กบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลม

สรุป “มีมูล” ตามที่สุนัขขี้

และในปมเดียวกัน ยังมีการโยงไปถึงฉากที่ว่า มีคนในรัฐบาลไปเจรจากับทางรัสเซียที่ประเทศเวียดนาม เพื่อเจรจาเงื่อนไข หากรัฐบาลรัสเซียส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณให้ทางการไทย รัฐบาลก็พร้อมส่งตัว “วิคเตอร์ บูท” ให้ทางการรัสเซีย

แต่เมื่อทางการรัสเซียปฏิเสธ ไม่เล่นด้วย ที่สุดเลยมีการส่งตัว “วิคเตอร์ บูท” เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ให้ทางการสหรัฐอเมริกา

ในฉากตื่นตาตื่นใจ ทั้งภาพและข่าวรัฐบาลวอชิงตันถึงกับส่งเครื่องบินเจ็ตพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดใหญ่ มารับตัวเจ้าตำนาน “ลอร์ด ออฟ วอร์” ถึงที่สนามบิน บน.6 ดอนเมือง โดยที่รัฐบาลไทยส่งตำรวจหน่วยคอมมานโด พร้อมอาวุธเต็มพิกัด ตั้งท่าคุ้มกันการส่งตัว “วิคเตอร์ บูท” ตั้งแต่ประตูเรือนจำบางขวาง ป้องกันการชิงตัวผู้ต้องหา

ราวกับหนังฮอลลีวูดก็ไม่ปาน

แต่สังเกตว่า ฝ่ายไทยมีแต่คนหน้าเครียด ไม่มีใครหน้าบาน

และในนาทีสุดท้าย ก็เป็นนายกฯอภิสิทธิ์ที่ออกมาเบรกกลางอากาศ จะยังไม่มีการส่งตัว “วิคเตอร์ บูท” ให้ทางการสหรัฐอเมริกาตามที่เป็นข่าว เนื่องจากยังอยู่ในกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมาย

ดึงเกม “ตีไพ่” เลือกข้าง

อย่างไรก็ตาม โดยรูปการณ์มาถึงขั้นนี้ รัฐบาลไทยคงยากที่จะหาทางออกตรงกลาง ยิ่งปมมันไปคาบโยงกับคิวของนายศิริโชคที่ย่องไปพบ “วิคเตอร์ บูท” ถึงในเรือนจำ เท่ากับเข้าไปร่วมอยู่ในเกมต่อรอง นั่นแหละ ทำให้รัฐบาลยิ่งขยับไม่ออก

ตามอาการที่จับทางกันได้ “เทพเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง รีบชิ่งเป็นเรื่องของนายศิริโชค ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล

เพราะมัน “เข้าเนื้อ” เต็มๆ

เรื่องของเรื่อง มันสะท้อนปรากฏการณ์ เผาป่าล่าหนู “ทักษิณ” จนลุกลามใหญ่ไปถึงระดับโลก รัฐบาล “นำไฟเข้าบ้าน” ไม่แยกแยะกิจการภายนอกกับการเมืองภายใน

ปล่อยให้เล่นกันมั่ว แค่หวังดิสเครดิตศัตรูคู่แข่ง แย่งกันเอาหน้า

แต่ความเสียหายตามมา จะรับกันไม่ไหว


ชักศึกเข้าบ้าน (ซ้ำซาก)

ชักศึกเข้าบ้าน (ซ้ำซาก)
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ 23 สิงหาคม 2553
หมัดเหล็ก

ความบาดหมางระหว่างไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นในรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นับวันยิ่งล้ำลึก จากศึกในกลายเป็นศึกนอก บัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ รวมทั้งประเทศอาเซียน ส่งสัญญาณพร้อมที่จะเข้ามาระงับข้อพิพาท กลายเป็นปัญหาระดับชาติไปแล้ว

อยากให้จับตากรณี วิคเตอร์ บูท พ่อค้าอาวุธสงครามที่ถูกจับกุมในบ้านเรา ความเดิมก็คือนักค้าอาวุธสงครามระดับชาติ ชื่อหรือเครือข่ายของวิคเตอร์ บูท อยู่ในอันดับต้นๆ ที่เชื่อว่ามีการขายอาวุธให้กับประเทศที่มีความรุนแรงในเวลานี้ จนได้รับฉายาพ่อค้าความตาย กุมความลับไว้เยอะ

วงการค้าอาวุธสงคราม ระดับชาติมีความซับซ้อนมีผู้ อยู่เบื้องหลังเป็นขบวนการใหญ่โต และก้าวข้ามไปถึงยุทธศาสตร์ ความมั่นคงระหว่างรัฐต่อรัฐ เผลอๆบางครั้งรัฐก็เข้าไปมีส่วนร่วมด้วยในบางสถานการณ์

การจะจับกุมตัววิคเตอร์ บูท จึงเป็นเรื่องยาก แต่ที่ยากกว่าก็คือ หลังจากการจับกุมตัวบูท แล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เป็นเหตุผลทำให้บูทรอดหูรอดตาเจ้าหน้าที่ของแต่ละประเทศมาตลอด

วันหนึ่งสหรัฐฯอยากได้ตัวบูท เลยกระซิบให้ รัฐบาลไทยจับกุม ต้องอย่าลืมว่าการจับกุมตัวผู้ร้ายคนสำคัญที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย นั่นหมายถึงว่า กำลังจะชักศึกเข้าบ้าน อย่างน้อยก็อาจจะมีการทวงคืนต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น

จะเป็นเพราะประเทศไทยเป็นสวรรค์ของผู้ก่อการร้าย หรือพ่อค้าอาวุธอย่างที่ว่ากันหรือไม่  ซึ่งผู้ใหญ่ทางด้านความมั่นคงน่าจะรู้ดีที่สุด มีการขอให้จับกุมตัวผู้ก่อการร้ายสากลในบ้านเราหลายครั้ง อาทิ ฮัมบาลี เป็นต้น ตรงนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก

หลังจากจับกุมบูท สหรัฐฯกระซิบทันทีขอตัวบูท จะมีอะไรในกอไผ่ก็เป็นอีกเรื่อง ในขณะเดียวกันพอรัสเซียรู้เข้า เรียกทูตไทยเข้าพบยื่นเงื่อนไขบางอย่าง จนกระทั่งเมื่อศาลไทยได้มีคำพิพากษาให้ส่งตัววิคเตอร์ บูท อดีตทหารหน่วยเคจีบีรัสเซีย เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปดำเนินคดีอาญากับทางการสหรัฐฯ

ท่ามกลางความไม่พอใจของรัสเซีย

ตอนจบเรื่องของพ่อค้าความตายจะเป็นอย่างไร ยังยากที่จะคาดเดา แต่เริ่มต้นของเรื่องนี้ ก็ชี้ให้เห็นถึงความไร้เดียงสาของรัฐบาลเด็กเล่นขายของซะแล้ว

ปัญหาชายแดนระหว่างไทยกับพม่าที่มีการปิดด่านเกือบถาวรที่ จ.เชียงราย ก็เพราะความไม่รู้เดียงสาเช่นกัน พม่าอ้างเหตุเรารุกล้ำพื้นที่ รัฐบาลส่ง อลงกรณ์ พลบุตร  รมช.พาณิชย์ ไปเจรจา ด้วยความไม่รู้ข้อเท็จจริง คิดว่าเป็นเรื่องการรุกล้ำที่ดินริมตลิ่งจริงๆ  ก็เลยใจดีส่งอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือไปทำตลิ่งให้ฝั่งพม่าเป็นที่เรียบ ร้อย  แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เปิดด่านซะที

ทั้งนี้เพราะพม่าไม่ได้มีปัญหาเรื่องของการบุกรุกชายแดน แต่มีปัญหาเรื่องของชนกลุ่มน้อยที่ยังเปิดชายแดนบริเวณนั้นไม่ได้ เป็นอันว่ารัฐบาลไทยเสียค่าโง่ทำตลิ่งให้พม่าไปฟรีๆ